ใช้ Keg กับ Preserves Jar ให้คุ้มค่า
มาดูกันว่าที่หมักผักผลไม้และที่ทำแยมใช้วัตถุดิบชนิดไหนจะได้ผลผลิตราคาสูง หรือได้กำไรสูงกว่ากัน
 |
หมักเข้าไปเลย |
เครื่องทำแยม
 |
Preserves Jar |
รูป/ชื่อ
|
วัตถุดิบ
|
เวลาที่ใช้
|
ราคาขาย
|
 |
Pickles |
|
ผักชนิดไหนก็ได้ |
ประมาณ 2 วัน |
50 + (2xราคาผัก) |
 |
Jelly |
|
ผลไม้ชนิดไหนก็ได้ |
ประมาณ 2 วัน |
50 + (2xราคาผลไม้) |
- คุณภาพของผลผลิตไม่มีผลต่อราคา ดาวทองหรือไม่มีดาวให้ราคาเท่ากัน
- เครื่องทำแยมเหมาะสำหรับผักหรือผลไม้ที่มีราคาสูง เพราะทำให้ได้ราคาขายเพิ่มเป็น 2 เท่าตัวเลยทีเดียว
- เช่น Melon ,Pumpkin, Starfruit, Ancient Fruit และการปลูกผักสำหรับทำแยมควรใช้ปุ๋ยเร่งโต เพราะปุ๋ยเพิ่มคุณภาพไม่มีผลต่อราคา
เครื่องหมัก
 |
Keg |
รูป/ชื่อ
|
วัตถุดิบ
|
เวลาที่ใช้
|
ราคาขาย
|
 |
Beer |
|
 |
Wheat |
|
ประมาณ 1-2 วัน |
200 g |
 |
Pale Ale |
|
 |
Hops |
|
ประมาณ 1-2 วัน |
300 g |
 |
Juice |
|
ผักชนิดไหนก็ได้ |
ประมาณ 4 วัน |
2.25xราคาผัก |
 |
Wine |
|
ผลไม้ชนิดไหนก็ได้ |
ประมาณ 7 วัน |
3xราคาผลไม้ |
- คุณภาพของผลผลิตไม่มีผลต่อราคา ดาวทองหรือไม่มีดาวให้ราคาเท่ากัน
- เครื่องหมักเหมาะสำหรับหมัก Hops มาก เพราะ Hops ใช้เวลาเก็บเกี่ยวเร็วมาก เพียงแค่ทุก 1 วันหลังจากออกผลครั้งแรก ใช้เวลาหมักไม่ถึง 2 วัน 1 อาทิตย์อาจจะหมักได้ 4-5 ครั้งเลย
- หรือจะหมักผลไม้ที่มีราคาแพง เหมาะสำหรับผลไม้ที่มีราคา 400 ขึ้นไป ถึงจะได้ราคาดีกว่า Hops เพราะต้องใช้เวลานานมาก
- ส่วนการปลูกผักหรือผลไม้เพื่อทำการหมักก็ควรใช้ปุ๋ยเร่งโต เพราะปุ๋ยเพิ่มคุณภาพไม่มีผลกับราคาหลังจากหมัก
สูตรคราฟถังหมักคเบียกาไงครับ
ตอบลบต้องได้สกิลการทำฟาร์มถึงเลเวล 8 ก่อนครับ
ลบ